ความเป็นมาธุรกิจ
ศูนย์วัฒนธรรมผู้ไทย
ผ้าไหมแพรวา
ศูนย์วัฒนธรรมผู้ไทย ผ้าไหมแพรวา เป็นแหล่งที่แสดงถึงภาพความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวันของชาวผู้ไทย
มีบ้านเรือนไทย 4 หลัง และศูนย์พิพิธภัณฑ์ผู้ไทย
ผ้าไหมแพรวา
คนรักผ้าไหมทอมือ
ผ้าไหมในฐานะงานศิลปะที่เชิดชูวัฒนธรรม
ผ้าไหมในฐานะแพรพรรณอันสวยงาม คนทั่วทุกมุมโลกที่สนใจผ้าไหมไม่เคยพลาดที่จะไปเที่ยวบ้านโพน อ.คำม่วง
จ.กาฬสินธุ์
บ้านโพน เป็นหมู่บ้านของชาวผู้ไทยซึ่งมีวัฒนธรรมที่เจริญมานาน ชาวผู้ไทยไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหนจะมีชีวิตที่สงบสุข สวยงาม
บ้านโพนเหมือนหมู่บ้านย้อนยุคเก็บอดีตที่ชัดเจนไว้จนถึงปัจจุบัน ชาวบ้านโพนมีวัฒนธรรมเป็นพี่น้องกันทั้งหมู่บ้าน ประกอบด้วย
พ่อ แม่ ลูก พี่น้องที่มาจากสายเลือดเดียวกันและครอบครัวที่เป็นลูกล่าม ลูกที่ผูกพันกันของพ่อแม่ที่ไม่ใช่พ่อแม่ที่ให้กำเนิด แต่เป็นผู้ที่ทำหน้าที่มาสู่ขอและเป็นประธานทำพิธีแต่งงานให้ พ่อแม่ที่เป็นผู้สู่ขอคู่แต่งงานนี้ จะทำหน้าที่เป็นล่ามให้คู่แต่งงานตลอดชีวิต กรณีที่คู่แต่งงานมีปัญหา พ่อแม่ล่ามจะเป็นผู้ไกล่เกลี่ยแก้ปัญหาแทนพ่อแม่ที่ให้กำเนิด
ถิ่นกำเนิดแพรวา
ชาวผู้ไทยไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนจะรักการทอผ้า ผ้าไหมทอลวดลายพิเศษของชาวผู้ไทยมีถิ่นกำเนิดที่บ้านโพนแล้วดังไปทั่วโลก
เรียกว่า ผ้าแพรวา “แพร”
หมายถึง
ผ้า และ “วา” หมายถึง ความยาว 1 วา คือ 2 เมตร ผ้าแพรวาในอดีตจะทอหน้าแคบ ยาว แต่ปัจจุบันพัฒนาให้เป็นผ้าทอหน้ากว้าง
ทำไมจึงต้องเป็นแพรวา
แพรวานั้นมีลวดลายวิจิตรพิสดารกว่าผ้าไหมที่อื่นจนขึ้นชื่อว่า “แพรวาราชินีแห่งไหม” ความงามอันเลื่องลือนี้เกิดจากลวดลายของแพรวา
ซึ่งมีลวดลายที่แตกต่างกันถึง 60 ลาย ผู้ที่ชื่นชอบแพรวาเลือกลายและขนาดตามที่ตนชอบ
อาทิ แพรวาลายเกาะ แพรวาลายล่วง (แพรวา 2 สี) ผ้าสไบ
10 ลาย ผ้าพันคอ ผ้าแพรวา
3 สี สไบเล็กใหญ่
รวมทั้งแพรวาที่เป็นผ้าปูกลางโต๊ะ ผ้ารองจานซึ่งพัฒนามาจากผ้าแพรมน ซึ่งเป็นผ้าพันผมเมื่อแต่งกายแบบบ้านโพนเต็มชุด วิถีชาวบ้านโพนทุกคนจะผูกพันและทุ่มเทให้กับแพรวา ซึ่งนับวันลวดลายของแพรวาจะเปล่งประกายท้าทายให้ทุกคนมาพบกับศิลปินพื้นบ้าน ซึ่งเป็นผู้ถักทอแพรวาอันสวยงามนี้ให้กับทุกคนในโลก
มาเที่ยวบ้านโพนกันดีกว่า
ด้วยวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมการเปลี่ยนของสังคมในชุมชนยังมีน้อย บ้านโพนจึงเหมะสำหรับเป็นที่ท่องเที่ยว ที่พักผ่อนในท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์ จุดเด่นของบ้านโพน ได้แก่
อากาศที่ไม่ร้อนอบอ้าว อาหารพื้นบ้านจะเป็นอาหารธรรมชาติ ที่ไม่มีสารพิษ เพราะชาวบ้านโพนนิยมรับประทานผักประเภทใบจากต้นไม้ใหญ่ ใบไม้ที่มีรสเปรี้ยว มีกลิ่นหอม
จะนำมารับประทาน ดิบ ๆ กับอาหารประเภทยำ หลน หรืออาหารสำคัญของชาวอีสาน คือ ปลาร้าปรุงแบบต่าง ๆ และส้มตำ แกงที่เป็นอาหารพื้นบ้านจานเด็ด ได้แก่
แกงไก่บ้านใส่หนอหวายอ่อน ๆ รสชาติหวานซ่อนขมของยอดหวาย อร่อยจนลืมไม่ลง ไก่บ้านและน้ำจิ้มสูตรเด็ดของบ้านโพนที่ทำใหม่ทุกวัน
ชาวบ้านโพน
เสน่ห์ของบ้านโพนไม่เพียงแต่ผ้าแพรวา แต่ชาวบ้านโพนสร้างชมชนที่สงบสวยงามด้วยวัฒนธรรมการกินอยู่อย่างพอเพียง ชาวบ้านโพนนอกจากขยันจนหาคนอื่นเทียบยากแล้ว ยังเป็นผู้รู้จักเก็บออมไม่สุรุยสุร่าย บ้านโพนจึงเป็นเหมือนเมืองในฝันที่หยุดเวลารักษาอดีตให้เราได้สัมผัสในวันนี้
ดนตรีที่ขับกล่อมบ้านโพนคือ โปงลาง หากไปเที่ยวบ้านโพนต้องพักอยู่กับครอบครัวชาวผู้ไทย (โฮมสเตย์)
จะได้บรรยากาศอบอุ่นแบบพี่น้อง เนื่องจากชาวบ้านโพนเป็นคนอ่อนหวาน สุภาพ ช่างเอาใจอยู่ในสายเลือด
ประวัติความเป็นมา
ผ้าไหมแพรวาเป็นศิลปหัตถกรรมผ้าทอมือที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษของชาวผู้ไทยบ้านโพน
เดิมจะทอเก็บไว้เป็นมรดก และนำมาใช้ในงานเทศกาล บุญประเพณี หรืองานสำคัญอื่น ๆ โดยผู้หญิงใช้ห่มสไบเฉียง
ผู้ชายใช้คาดเอวประกอบการแต่งกายเรียกว่าชุดผู้ไทย ผ้าไหมแพรวาเป็นผ้าที่ทอด้วยมือดั้งเดิมจะมีเฉพาะสีแดงขนาดกว้าง
๑ ศอก ยาว ๑ วา คำว่า แพรวา มาจาก แพรหมายถึง ผ้า วา หมายถึง ความยาวของผ้า ๑ วา ก่อนที่ผ้าไหมแพรวาสูงค่าจะมีโอกาสออกสู่สายตาชาวไทยและชาวต่างประเทศการทอผ้าไหมแพรวาได้เดินทางผ่านการเวลาอัน
ยาวนานหลายชั่วอายุคนจนเรียกได้ว่าเกือบจะสูญหายไปจากท้องถิ่นไทยจวบจนเมื่อวันที่ ๒๙
พฤศจิกายน ๒๕๒๐พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
เสด็จเยี่ยมพสกนิกรชาวอำเภอคำม่วง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทอดพระเนตรเห็นชาวบ้านโพน
แต่งกายด้วยชุดผู้ไทยผู้หญิงใช้ผ้าสไบแพรวาห่มเฉียงบ่าซ้าย ผู้ชายใช้คาดเอว ทรงสนพระราชหฤทัยในความงดงามของผ้าไหมแพรวา
ทรงมีพระราชประสงค์ให้อนุรักษ์ศิลปะการทอผ้าไหมแพรวา ไว้ให้ยั่งยืนสืบทอดเป็นเอกลักษณ์และมรดกของท้องถิ่นตลอดไป
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับงานทอผ้าไหมแพรวาไว้ในโครงการส่งเสริมการทอผ้าไหมแพรวาบ้านโพน
มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โปรดเกล้าฯ
ให้พัฒนาการทอผ้าไหมแพรวา เพิ่มสีสัน ลวดลายหลากหลาย และขยายฟืมให้มีขนาดกว้างและทอผ้าสีพื้นประกอบให้มีความยาวสามารถใช้ตัดเป็นชุดสุภาพสตรีเสื้อสุภาพบุรุษ
และประยุกต์เป็นเครื่องแต่งกายใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น จากกว้าง ๑ ศอกยาว ๑ วา พัฒนาเป็นกว้าง
๖๓ ,๗๓, ๘๐ ซม. ยาว ๕ เมตร (ลวดลาย ๒ เมตร สีพื้น ๓ เมตร)
พระองค์ทรงริเริ่มฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมแพรวาและทรงส่งเสริมการผลิตรวมทั้งสร้างสรรค์ฝีมือให้ประณีต
สวยงาม ส่งเสริมเป็นอาชีพเสริมแก่ราษฎรเกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้แก่ครอบครัวและชุมชน
ขยายผลไปยังหมู่บ้าน/ตำบล/อำเภอ/จังหวัดใกล้เคียง ผ้าไหมแพรวาได้กลายเป็นศิลปาชีพที่ล้ำค่าช่วยให้ราษฎรมีรายได้เพิ่มพูนและมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นจนได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั้งชาวไทยและต่างประเทศ
ปัจจุบันผ้าไหมแพรวาได้รับการยอมรับว่า แพรวาราชินีแห่งไหมและขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์
ผ้าไหม
แพรวากาฬสินธุ์
จุดเด่นผลิตภัณฑ์
นับเป็นวาสนาและบุญบารมีอย่างสูงส่งที่ผ้าไหมแพรวาของชาวบ้านโพน
อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับงานทอผ้าไหมแพรวาไว้ในโครงการส่งเสริมศิลปาชีพฯ
จังหวัดกาฬสินธุ์
ได้นำเอาความพิเศษของผ้าไหมแพรวาซึ่งเป็นทั้งภูมิปัญญาและวัฒนธรรมท้องถิ่นมาเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัด
เผยแพร่ชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางโดยใช้เป็นส่วนหนึ่งของคำขวัญประจำจังหวัดกาฬสินธุ์
และขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ผ้าไหมแพรวากาฬสินธุ์
มาตรฐานและรางวัลรับรอง
1.
ได้รับพระราชทานเครื่องหมายมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในพระบรมราชินูปถัมภ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ
พระบรมราชินีนาถ
2.มาตรฐาน มผช.
3.
การคัดสรรเป็นผลิตภัณฑ์ระดับ 5 ดาว
4.ชนะเลิศการประกวดผ้าไหมระดับภาค ฯลฯ
5.
ขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ผ้าไหมแพรวากาฬสินธุ์
6.หมู่บ้าน OTOP เพื่อการท่องเที่ยว
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
กลุ่มอาชีพสตรีทอผ้าไหมแพรวาบ้านโพน
ม.1-ม.5 ต.บ้านโพน อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์
นางหนูวัน พนาจันทร์
ที่อยู่:
170
ม.5 ต.โพน
อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์, 46180
โทรศัพท์:
083-3383956
Line:
080-0332622
******************************************
ติดตามข้อมูล SME
เกษตร ธ.ก.ส. เพิ่มเติมได้ที่
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น